นับจากปี 1945
เป็นต้นมากระบวนการในการสร้างน้ำหอมได้มีการพัฒนาไปตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งทางด้านของ
ส่วนประกอบ,การออกแบบ
กระบวนการสกัดและสังเคราะห์กลิ่นทางเคมีต่างๆ
รวมไปถึงลักษณะของวิถีชีวิตของคนที่ได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสมัยของอุตสาหกรรมและสังคม
เมืองมากขึ้น จึงทำให้รสนิยมการใช้น้ำหอมของคนยุคใหม่มีลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิม
ดังนั่นผู้ผลิตในยุคสมัยใหม่จึงได้มีการจัดประเภทของ
น้ำหอมโดยแบ่งตามประเภทความนิยมได้ดังนี้
1.Bright Flora กลิ่นหอมโดดเด่นของดอกไม้
กลิ่นในกลุ่ม Bright Floraเป็นน้ำหอมที่เป็นกลิ่นของดอกไม้ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมของดอกไม้แบบชนิดเดียว (Single Floral) ตัวอย่าง
ของน้ำหอมชนิดนี้ได้แก่ Sa Majesta La Rose ของ
Serge Lutens ซึ่งมีกลิ่นหลักเป็นกลิ่นของกุหลาบผสมผสานกับกลิ่นเสริมของน้ำมัน
ไม้หอมจาก Guaiac Wood, น้ำมันจากดอกที่ยังตูมอยู่ของต้น Clove,
white honey ซึ่งป็นน้ำผึ้งที่ได้จากดอกของต้น Kiawe
ซึ่งมีแหล่งการ ผลิตหลักอยู่ในฮาวายเป็นหลัก
surge-luten
ส่วนน้ำหอมสาย Flora อีกแบบนั่นจะมีลักษณะกลิ่นที่ได้จากการผสมกลิ่นของดอกไม้หลายชนิด
(Floral Bouquet) ตัวอย่างเช่น Estee Lauder Beautiful ซึ่งประกอบด้วยกลิ่น
Top Note จากดอก Michelia, Ginger Lily และมี
Middle Note เป็นกลิ่นหอมแบบหวานอ่อนของ ดอก Linden และดอก
Mimosa โดยเสริมด้วย Base Note ที่ได้จากไม้หอม
Padouk Wood, Box Wood
โดยน้ำหอมสาย Flora ในปัจจุบันนั้นจะมีลักษณะกลิ่นที่แตกต่างไปจากสมัยแรกคือไม่ได้เน้นความหอมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่น
ดอกไม้มากเท่าเดิมแต่มักนิยมเสริมกลิ่นของผลไม้อย่างอ่อนลงไปด้วยเพื่อช่วยเสริมความรู้สึกสดชื่นและยังช่วยในการควบคุมกลิ่นหลักซึ่งมักเป็นกลิ่นของดอกไม้ที่มีความเข้มข้นค่อนข้างมากให้สามารถคงสภาพกลิ่นไว้ได้นานอีกด้วย
ในส่วนของ Base Note นั้นก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากคือมักใช้กลิ่นอ่อนของพืชจำพวกไม้หอมซึ่งได้จากการสกัดกลิ่นหรือน้ำมันที่ได้จากใบไม้หรือเปลือกไม้เป็นหลัก
ซึ่งหากผู้ผลิตอย่างจะเสริมความเป็นแปลกหรือเพิ่มความรู้สึกหรูหราเป็นพิเศษให้กับน้ำหอมของตนก็อาจนำ
สารจำพวก Covet มาใช้เป็น Base Note เป็นครั้งคราว
2.Green กลิ่นอ่อนแบบธรรมชาติ
กลิ่นน้ำหอมสาย Green นั้นก็คือน้ำหอมที่เน้นกลิ่นของธรรมชาติเป็นหลักซึ่งเป็นกลิ่นที่สกัดได้จากส่วนต่างๆของต้นไม้เช่นใบไม้
หรือเนื้อไม้ และกลิ่นของผักหรือสมุนไพรกลิ่นอ่อนด้วยเช่นกัน กลิ่นของหัวน้ำหอมในสาย
Green นี้จะมีกลิ่นหอมแบบสาย Chypre เป็นกลิ่นหลักมีลักษณะ
กลิ่นที่เน้นความหอมสะอาดเป็นธรรมชาติ
มีกลิ่นของใบไม้และกลิ่นที่ได้จากเนื้อไม้หอมหรือ พืชผักสมุนไพรเป็นตัวเสริม
น้ำหอม-sisley
ตัวอย่างของน้ำหอมสาย Green นี้ก็อย่างเช่น
Sisley Eau de Campagne ซึ่งผู้สร้างน้ำหอมตัวนี้ต้องการนำเสนอน้ำหอมที่มีกลิ่นของความ
สดชื่นแบบธรรมชาติ โดยมีกลิ่นหลักที่ได้จากยางของต้น Galbanum ,ใบโหระพา
และใบมะเขือเทศ ส่วนของกลิ่นเสริมเป็นกลิ่นออกเปรี้ยว สะอาดสดชื่นจากกลิ่น Citrus
3. Aquatic,Oceanic,Ozonic กลิ่นทันสมัย
น้ำหอมสายนี้เป็นน้ำหอมที่สร้างโดยกระบวนการสังเคราะห์สารทางเคมีจำพวก
Calone หรือเรียกว่าเป็นหัวน้ำหอมสาย Aldehydic
นั่นเองซึ่ง
น้ำหอมสายนี้เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นแบบทันสมัยค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจึงทำให้มีผู้ผลิตน้ำหอมจากหลายค่ายให้ความสนใจที่จะ
ลงทุนผลิตน้ำหอมประเภทนี้ออกมาตามท้องตลาดกันอยู่มากพอสมควร
น้ำหอม-davidoff-cool-water-women
โดยน้ำหอมสายนี้ส่วนมากมักจะทำเป็นน้ำหอมของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
เนื่องจากน้ำหอมสายนี้ใช้กระบวนการผลิตทางเคมีจึงสามารถสร้าง
กลิ่นที่หลากหลายได้มากมาย อีกทั้งยังสามารถสังเคราะห์กลิ่นเลียนแบบที่ใช้ทดแทนกลิ่นจากน้ำหอมสายอื่นได้อีกด้วยจึงทำให้น้ำหอมใน
สายนี้ไม่คำอธิบายลักษณะของกลิ่นที่แน่นนอนตามตัวมากนัก
ส่วนมากมักอธิบายกว้างๆว่าเป็นการผสมกันของกลิ่นอะไรก็ได้ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นของน้ำหรือสร้างภาพจินตนาการของภาพทะเลมหาสมุทรเป็นหลัก
ตัวอย่างของน้ำหอมสายนี้เช่น Davidoff Cool Water, Calvin Klein Escape
4.Citrus กลิ่นร่าเริงจากผลไม้หรือสมุนไพรรสเปรี้ยว
น้ำหอมสายนี้เป็นน้ำหอมที่เน้นให้ความรู้สึกสดชื่นร่าเริง
โดยกลิ่นหลักของน้ำหอมสายนี้ก็มักได้จาก มะกรูด มะนาว และผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆเช่น
ส้ม และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้
ข้อดีของน้ำหอมสายนี้คือมีลักษณะกลิ่นที่มีความแน่นนอนคงที่แตกต่างจากกลิ่นน้ำหอมสายอื่นที่มักจะเปลี่ยน
แปลงหรือมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปได้ง่ายเมื่อเจอกับกลิ่นในสภาพแวดล้อมรอบตัวหรือแม้แต่การผิดเพี้ยนของกลิ่นที่เกิดจากกลิ่นตัวตามธรรมชาติของผู้ใส่
น้ำหอม-hermes
น้ำหอมสาย Citrus แม้จะไม่มีกลิ่นที่หอมโดดเด่นแต่ก็เป็นน้ำหอมสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันทั่วไปหรือแม้แต่ในช่วงหน้าร้อนซึ่งคนจะมีเหงื่อ
ออกมากกว่าปรกติอีกทั้งที่อุณหภูมิสูงจะทำให้การระเหยของน้ำหอมเกิดขึ้นเร็วและไม่สม่ำเสมอต่างกันตามแต่ละบริเวณของร่างกายจึงไม่เหมาะ
กับการใส่น้ำหอมกลิ่นแรง
ตัวอย่างของน้ำหอมสาย Citrus นี้เช่น
Hermes’s Eau D’orange Verte โดยTop Note ของน้ำหอมตัวนี้ก็คือ
มะกรูด,มะนาว,ผลส้ม เสริมกลิ่น หอม Middle
Noteด้วย มินท์, patchouli, และ ใบส้มแมนดาริน และ Base
Note เป็นกลิ่นมอสและไม้สน
5. Fruity กลิ่นผลไม้สดใสน่ารัก
ในช่วงสมัยแรกๆกลิ่นแบบผลไม้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักโดยส่วนมากอาจใช้เป็นกลิ่นเสริมมากกว่า
อีกทั้งในการทำน้ำหอมนั้นยังไม่มีกระบวน
ผลิตที่ทันสมัยจึงทำให้การสกัดกลิ่นจากผลไม้จึงยังไม่สามารถทำได้ดีนัก
แต่ต่อมาเมื่อกระบวนการสกัดกลิ่นมึความทันสมัยขึ้นจึงทำให้น้ำหอม
ที่สกัดจากผลไม้มีคุณภาพที่ขึ้นและได้รับความนิยมขึ้นมากเป็นลำดับ
กลิ่นของน้ำหอมสาย Fruity ก็คือกลิ่นที่มาจากผลไม้เช่น แอปเปิ้ล,
มะม่วง,Passion fruit เป็นต้น ตัวอย่างของน้ำหอมสาย Fruity
นี้ก็อย่างเช่น Ginestet Botrytis ซึ่งมีส่วนกลิ่นผสมของ
น้ำผึ้ง, ผลไม้แห้งชนิดต่างๆ, ผล Quince,
ดอก White flower และยางไม้หอม
น้ำหอม-botrytis
6.Gourmand กลิ่นน่ากินเหมือนอาหารหรือขนมหวาน
ในการแบ่งประเภทของน้ำหอมในแบบเก่าน้ำหอมสาย Gourmand
นั้นยังถูกรวมอยู่ในสาย Oriental ซึ่งเป็นสายของน้ำหอมที่ได้จากการสกัด
กลิ่นเครื่องเทศต่างๆ รวมไปถึงกลิ่นของขนมหวานต่างๆเช่น วนิลา, ช็อคโกแลค
หรือกาแฟ อีกด้วย
แต่ต่อกลิ่นแบบเผ็ดร้อนซึ่งเป็นกลิ่นหลักเดิมของน้ำหอมสาย
Oriental ไม่ค่อยได้รับความนิยมและค่อยๆหายไปเหลือในผู้ใช้บางกลุ่ม
ขณะที่กลิ่น
ที่ออกหวานแบบกลิ่นขนมนั้นกลับได้รับความนิยมมากขึ้นจึงได้มีการจัดให้สาย Gourmand
ซึ่งเดิมเป็นส่วนย่อยในสาย Oriental นั้นให้ขึ้นมาเป็นสายหลักแทน
น้ำหอมกลิ่นสาย Gourmand ก็มีตัวอย่างเช่น
BOBO Dinner โดยเป็นน้ำหอมที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นเครื่องเทศแบบสาย
Oriental เข้ากับ กลิ่นหวานของสาย Gourmand กลิ่นหลักประกอบด้วย
กลิ่นของเครื่องเทศอย่างยีหร่า ตัดกับกลิ่นหวานของวนิลาและกลิ่นผลไม้แห้ง
เสริมด้วย อบเชย, กระวาน, ขิง
ในอนาคตอาจจะมีกลิ่นแบบใหม่ๆเพิ่มเข้ามาและได้รับความนิยมมากขึ้น
จนอาจจะทำให้ต้องมีการจัดแบ่งหมวดหมู่กลุ่มน้ำหอมใหม่อีกก็เป็นได้
อุตสาหกรรมน้ำหอมทุกวันนี้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
มีการบริโภคกลิ่นกันมากขึ้นความต้องการความแปลกใหม่ก็มากขึ้น
ทำให้องค์ความรู้การจัด หมวดหมู่ก็มากขึ้นตามไปด้วย
ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นหมวดหมู่ของกลิ่นมากกว่า 20 แบบก็เป็นได้
source : http://www.ohperfume.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น